จากฝนแล้งถึงโควิด-19: กินอยู่ลำบาก

ดิฉันเป็นชาวบ้านธรรมดา มีอาชีพทำนา อาศัยน้ำฝน ถ้าปีไหนฝนแล้งข้าวตายก็ขาดทุน ปีที่แล้วก็ฝนแล้ง ข้าวกำลังตั้งท้องออกรวง ฝนหยุดตกข้าวในนายืนต้นตายคารวง ซ้ำร้าย ธันวาคมปีที่แล้ว ก็เกิดโรคระบาดโควิด-19 โรคเราก็กลัวแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ยังต้องออกไปรับจ้างรายวันต่างจังหวัด เพื่อให้พอได้ใช้จ่ายค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ พอเลี้ยงชีพได้

เมื่อเดือนมีนาคม การระบาดของโควิด 19 รุนแรงขึ้น  รัฐบาลมีคำสั่งเพื่อควบคุมโรค โดยห้ามออกนอกบ้าน นอกพื้นที่ ดิฉันรับจ้างอยู่ต่างจังหวัดจึงต้องกลับบ้าน เริ่มมีปัญหาหนี้สินที่ต้องชำระธนาคาร จากเดือนมีนาคมเป็นต้นไปทุกเดือน แต่รายได้ไม่มีพอจะชำระหนี้สิน  ร้านค้าขายของถูกสั่งปิด สั่งห้ามขายของ ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาก็ไม่ได้ ลูกของดิฉันต้องกลับบ้าน ไม่มีงาน ไม่มีรายได้ ทำมาหากินลำบาก เข้าป่าเก็บผักก็ไม่ได้เนื่องจากแล้งมาก อาหารในชุมชนก็เริ่มหายากขึ้น ทุกคนกลับบ้านนอก เข้าป่าหากินกันทั้งนั้น ต่อมารัฐบาลสั่งปิดเมือง ดิฉันเครียดมาก หาทางออกไม่ได้ แต่ก็นับว่าดิฉันยังโชคดีที่พอมีข้าวเก็บไว้ซึ่งก็จะต้องประหยัด ยังพอหาปลาในสระของตัวเองและเก็บผักที่ปลูกไว้ข้างบ้าน  มีความรู้สึกเหมือนกับว่าวิถีชีวิตของดิฉันเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ก็ยังดีใจที่อยู่บ้านนอก ไม่ต้องมีค่าเช่าบ้าน ไม่ต้องซื้อทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งไหนพอหาได้ก็ไม่ซื้อ

ดิฉันเป็น อ.ส.ม เป็นกรรมการหมู่บ้าน มีหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านด้วย ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำมาหากินไม่ได้ต้องเห็นพี่น้องลำบาก บางคนไม่มีข้าวกิน ตอนนี้ค่าข้าวสารแพงขึ้นจากถังละ 350 บาท ขึ้นไปเป็น 450 บาท รัฐบาลสั่งปิดเมืองเพิ่มอีก 1 เดือน ชาวบ้านจะทำอย่างไร เงินเยียวยาก็ไม่ได้รับทุกคน ทำงานก็ไม่ได้ บางคนต้องรอถุงยังชีพซึ่งก็มีจำกัด ทุกคนในหมู่บ้านเดือดร้อนกันทั่วหน้า มีไม่ถึง 10% ของคนในหมู่บ้านเท่านั้นที่ได้รับการช่วยเหลือ

ฤดูกาลใหม่ทางในการทำนากำลังจะมาถึง เงินค่าไถนาไม่มี ฝนจะแล้งไหมจะ เป็นอย่างไรชีวิต ชาวนา ต้องเสี่ยงทุกรูปแบบเสี่ยงภัยแล้ง/น้ำท่วมโรคจากพืช แล้วยังเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกจากโรคโควิด-19 ดิฉันทั้งกลุ้มใจ ทั้งเครียด จะทำอย่างไรถึงจะเอาตัวรอดในช่วงโควิด-19 นี้ได้