โควิด19: รายได้ลด รายจ่ายเพิ่ม ความฝันของลูกหลานชะงัก

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 และมาตรการต่างๆ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตของครอบครัวเรามาก

คำสั่งให้ประชาชนกักตัวเองที่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ทำให้ธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และการให้บริการต่างๆ ต้องหยุดชะงักลง คนที่พึ่งพิงการขับเคลื่อนของธุรกิจเหล่านี้ก็ต้องขาดรายได้ไปด้วย เราเองเป็นเกษตรกร และก็เป็นผู้ขายสินค้าแปรรูป ประเภทน้ำพริก ได้รับผลกระทบมาก

บริการส่งสินค้าและอาหารชะงักลง เราหวังว่า เราจะได้ขายอาหารที่ทำให้ประชาชนและลูกค้าได้สั่งซื้ออย่างต่อเนื่องก็ต้องมาเจอกับนโยบายของบริษัทขนส่งสินค้า ไม่ให้ส่งอาหารเนื่องจากพนักงานไม่เพียงพอต่อการดำเนินการจัดส่งสินค้า และต้องใช้เวลาหลายวัน อาหารอาจเสียหาย จึงทำให้ต้องหยุดส่งสินค้าให้กับลูกค้า อีกทั้งสถานที่ที่เคยไปขายของอย่างตลาดน้ำเกาะแพะ เกาะแกะที่คนในชุมชนเป็นผู้ก่อตั้งร่วมกันมาถูกนโยบายสั่งปิดอย่างไม่มีกำหนด รวมไปถึงศูนย์เรียนรู้วิสาหกิจผู้เลี้ยงแพะที่สร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งมีคนมาศึกษาดูงานกันทั้งเดือนก็ต้องถูกยกเลิกไป

โรงเรียนหยุดนาน ในครอบครัวลูกสาว 1 คน ต้องสอบเรียนต่อมัธยมศึกษาปีที่ 4 ต้องถูกยกเลิก อย่างไม่มีกำหนด มีหลาน 1 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ (นักฟุตบอลหญิง) ต้องเดินทางไปเก็บตัว และต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อเป็นตัวแทนนักฟุตบอลหญิง รุ่น U14 ของราชอาณาจักรไทย ต้องถูกยกเลิกทุกรายการแข่งขัน และต้องกลับมาอยู่ที่บ้าน ทำให้อนาคตของเด็กไทยที่กำลังไปถึงฝันต้องหยุด ความหวังของครอบครัวก็เริ่มลดน้อยลง เพราะอายุน้องก็เพิ่มมากขึ้น โอกาสในการลงแข่งขันในแต่ละรุ่นขึ้นอยู่กับอายุของนักเตะ ร่างกายเมื่อไม่ได้ฝึกฝนอย่างที่เคย กล้ามเนื้อก็จะล้าไปตามกาลเวลา รัฐฯประกาศห้ามใช้บริการในสนามกีฬา และห้ามรวมตัวกัน รวมไปถึงข้อจำกัดในการเดินทางเข้าออกระหว่างจังหวัด ซึ่งจะต้องมีการรายงานให้กับผู้นำชุมชนทราบ ให้มีการกักตัว และติดตามอาการพร้อมกับรายงาน ให้ อสม. ผู้นำชุมชนทราบเป็นระยะ ชีวิตคนไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆ จากความฝันที่ต้องเดินทางไปเก็บตัว และมีรายการแข่งขันต่างประเทศต้องกลับมานั่งรถเพื่อเข้าไร่ เข้าสวน ทำเกษตร

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายด้านบริโภคและสาธารณูปโภคสูงขึ้นมาก ด้วยวิถีชาวบ้านที่ไม่ได้ไปทำงานได้ตามปกติ เพราะด้วยส่วนตัวเป็นนักพัฒนาอิสระด้านสิ่งแวดล้อม และทำงานหนุนเสริมพื้นที่ในการเชื่อมโยงองค์กรชุมชน พอมีคำสั่งให้เว้นระยะห่าง ทำให้งานที่วางตารางไว้ต้องหยุด และต้องอยู่กับบ้าน ไม่สามารถจัดประชุม และลงพื้นที่ได้ ทำให้เปลืองอาหาร เปลืองไฟ เปลืองน้ำ ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลตัวเองด้านสาธารณสุขอีกด้วย ต้องซื้อเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ น้ำยาฆ่าเชื้อที่แพงมาก 

ส่วนเรื่องการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างญาติพี่น้อง ที่เคยเดินทางได้ไม่ว่าจะตอนไหนก็ต้องเจอกับประกาศพรก.ฉุกเฉินของรัฐบาล จะไปไหนก็ไม่กล้า กลัว หวาดระแวงไปหมด ในครอบครัวมีพ่อซึ่งป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดัน ที่ต้องรับยาเป็นประจำ ก็ต้องห้ามเดินทางไปโรงพยาบาล 

 

รายได้จากการขายผลผลิตทางการเกษตรก็แทบไม่มี ตั้งหลักและเตรียมตัวไม่ทันว่าจะทำอะไรกันดี และจะต้องลงทุนเท่าไหร่ รัฐบาลให้ลงทะเบียนเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เราก็เข้าไม่ถึง ค่าข้าวสาร และอาหารของครอบครัวเราซึ่งอยู่กัน 6 คน ก็มีเพียงรายได้จากการค้าขายของแม่คือขายดอกไม้พวงมาลัยเฉพาะวันพระ เนื่องจากเราไม่มีหน้าร้าน แต่ต่อมารัฐบาลประกาศสั่งห้ามไม่ให้ไปทำบุญที่วัด ก็ขาดรายได้อีก ส่วนเงินค่าตอบแทนของพ่อ ก็ใช้จ่ายไปกับหนี้สินภาคการเกษตรเป็นทุนเดิม ครอบครัวเราในช่วงแรกก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์จะดีขี้นบ้างแล้วก็ตาม แต่มันยังไม่ทำให้ครอบครัวเราฟื้นตัวได้ตามปกติเหมือนเช่นเคยค่ะ